มาสเตอร์เชฟ อาหารไทย อินจัดจนต้องตามไปถึงร้าน! เพราะอยากรู้ว่าจะอร่อยเหมือนที่อวยกันในรายการหรือเปล่า? ทุวันนี้หลายคนน่าจะรู้จักกันดีกับ Masterchef Thailand รายการเรียลลิตี้ยอดนิยมของคนรักอาหาร ซึ่งนอกจากจะดูสนุกแล้ว มาสเตอร์เชฟอาหารไทยล่าสุด ยังกลายเป็นจุดเริ่มต้นของร้านอาหารชื่อดังหลายร้าน ที่เกิดจากความฝัน ฝีมือ และประสบการณ์ของเหล่าผู้เข้าแข่งขัน ที่เห็นแล้วต้องขอตามไปชิมเพื่อพิสูจน์ความอร่อยด้วยลิ้นของตัวเอง ว่าแต่จะมีร้านไหนบ้าง? เป็นร้านของใคร? จะตรงใจกันบ้างไหม? รีบตามมาดูกันเลย
1.ดงมาดาม, เชียงใหม่ : เดียว ss2 (Dong Madame) มาสเตอร์เชฟ อาหารไทย
มาสเตอร์เชฟ อาหารไทย Dong Madame ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ของ เดียว ซีซั่น 2 และเพื่อนๆ ตั้งอยู่ในซอยวัดอุโมงค์ บริเวณหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาสเตอร์เชฟ 1 เป็นร้านขนาดเล็กที่ปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยและต้นไม้ในสวน ด้านหน้ามีน้ำพุเล็กๆ เพิ่มบรรยากาศให้น่าชมและน่าเดินเข้าไป (ถ่ายรูปเช็คอินกันได้ตั้งแต่ก่อนเข้าร้านกันเลย)
เมื่อเปิดเข้าไปในร้านจะพบกับการตกแต่งที่สวยงาม ทั้งผนัง โต๊ะที่นั่ง โคมไฟต่างๆ ที่ดูคลาสสิคมีเสน์หของความเก่า แต่ไม่โบราณ ดงดอกไม้ดอกหญ้าหลากหลายสีก็จัดได้สวยลงตัว แค่นั่งรออาหารที่สั่งก็เพลินแล้ว ส่วนอาหารที่นี่เป็นแนวฟิวชั่น เน้นการจัดจานและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ใครได้เห็นแล้วเป็นต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย เมนูแนะนำเป็น ข้าวหมูอบโรสแมรี่, มาดามสเต็ก, มาดามสปาเกตตี้ ต่อด้วยขนมหวานที่ห้ามพลาดคือ ชีสเค้กสดกับชูครีม เรียกได้ว่าเป็นดงของสวยของอร่อยสมชื่อจริงๆ
2.บ้านลลิณ, กรุงเทพ : พลอยและน้ำฝน ss1 (Baan Lalin Thai Cafe)
Baan Lalin Thai Cafe ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ของสองสาว พลอยและน้ำฝน ซีซั่น 1 เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นอายุกว่า 100 ปี ในตรอกตึกดิน ถนนดินสอ ที่ให้อารมณ์เหมือนบ้านสวนต่างจังหวัด ด้วยความที่ทั้งสองคนอยากจะเก็บเสน่ห์ของตัวบ้านไว้ จึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากแค่เพิ่มโครงสร้างเหล็กให้แข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น กับตกแต่งด้วยโทนสีและเฟอร์นิเจอร์ให้ดูคลาสสิกเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้น่านั่งน่ามองขึ้น
ด้านเมนูอาหาร ทั้งสองคนได้ยกระดับอาหารไทยที่ตัวเองชอบทานตั้งแต่เด็ก พรีเซนต์ออกมาด้วยวิธีการทำที่มีความซับซ้อนขึ้น การตกแต่งที่ละเอียดสวยงามมากขึ้น โดยทุกจานจะมีดอกไม้กินได้อยู่ด้านบน เพือสื่อว่าร้านนี้เป็นร้านที่ผู้หญิงทำ นอกจากอาหารยังมีเค้กและ เครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์ คงคอนเซปต์ความเป็นไทยได้อย่างลงตัว เมนูแนะนำจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวผัดไข่เค็มกุ้ง, ข้าวคลุกกะเพราเนื้อไข่ซูวี, แตงโมปลาแห้ง, เค้กแตงไทน้ำกะทิ, บ๊วยแตงโมโซดา
นอกจากนี้ ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์สุดท้ายของเดือน จะเปิดให้บริการในรูปแบบของโอมากาเสะไทย รังสรรค์เมนูอาหารไทยสุดพิเศษตามใจเชฟ โดยจะเปิดให้จองล่วงหน้าทุกๆ ต้นเดือน เพียง 10 ที่นั่ง/รอบ เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการกินอาหารไทยที่ควรค่าแก่การมาลอง
3.ครัวบ้านบ้าน By จำลอง, ระยอง : จำลอง ss1 (Krua Ban Ban by Jamlong)
มาต่อกันด้วยมื้ออาหารแบบเน้นๆ ของร้าน ครัวบ้านบ้าน By จำลอง ของ จำลอง ซีซั่น 1 ตัวร้านเป็นแบบเปิดโล่ง รองรับได้ 50 – 60 ที่นั่ง อาจจะดูไม่สวยหรู แต่ถ้าเป็นเรื่องรสชาติรับรองว่าแซบไม่แพ้ร้านไหน ด้วยรสมือของพี่จำลองที่โดดเด่นด้านอาหารไทยสไตล์จัดจ้าน เมนูที่ร้านเลยเป็นเมนูที่เราคุ้นเคย คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้
แต่อาจจะมีบางเมนูที่มีชื่อและการเสิร์ฟที่แปลกตาน่าทาน อย่าง กระพงสองใจ, ยำทะเลวาซาบิ, ไข่ตุ๋นหม้อไฟ, น้ำพริกพ่อ ที่ล้วนเป็นเมนูแนะนำและเป็นที่นิยมของลูกค้า พอได้ทานด้วยปากตัวเองแล้วต้องบอกเลยว่าแซบถูกใจมาก จัดจ้านถึงเครื่อง อาหารทะเลก็สดทุกจาน ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่สำคัญราคาน่ารักสบายกระเป๋าด้วย
4.ไอ แอม เคอรี่, กรุงเทพ : ปอนด์ ss3 (I Am Curry)
เปลี่ยนแนวมาฝั่งญี่ปุ่นกันหน่อย เอาใจสาวกแกงกะหรี่ I Am Curry ร้านที่มีแต่แกงกะหรี่และแกงกะหรี่ 555 เพราะ ปอนด์ ซีซั่น 3 เขาอยากขายแต่แกงกะหรี่ แต่รับรองว่าไม่ซ้ำซากแน่นอน แค่ที่ตั้งร้านก็เก๋แล้ว อยู๋ด้านบนของ Ari Story Hostel ซอยอารีย์ 1 ต้องสังเกตกันหน่อยนะ ตัวร้านไม่ใหญ่มาก สไตล์โมเดิร์นสมัยใหม่ ตรงบาร์เตรียมอาหารออกแบบให้ลูกค้าเห็นกรรมวิธีในการเตรียมแต่ละเมนู ช่วยเพิ่มอรรถรสในการทานอาหาร แกงกะหรี่ของที่นี่ส่ใจและทุ่มเทมากๆ ใช้เวลาเคี่ยวแกงถึง 48 ชั่วโมงด้วยสูตรลับเฉพาะสไตล์โฮมเมด ทานได้ทุกเพศทุกวัย
และด้วยความที่ปอนด์ได้รับฉายาว่า ‘เจ้าชายแห่งการตั้งชื่ออาหาร’ พอเปิดร้านของตัวเองก็เลยตั้งชื่อเมนูน่ารักๆ ที่ได้ยินแล้วเป็นต้องยิ้มอย่าง ข้าวกะหรี่อ๊วนอ้วน (หมูทอด), ข้าวกะหรี่มีปีก (ไก่ทอด), ข้าวกะหรี่น้องจุ้ง (กุ้งทอด) ส่วนคนที่ไม่ชอบแกงกะหรี่ ก็มีข้าวหน้าไก่ทอด/หมูทอด ให้เลือกทาน รักชอบแกงกะหรี่ต้องมาลองกันเลยที่ I Am Curry
5.อะตอมมิค พิลส์, กรุงเทพ : หมอตั้ม ss2 (Atomic Pills)
มาที่ร้านขนมกันบ้าง Atomic Pills คาเฟ่ย่านอารีย์ของ หมอตั้ม ซีซั่น 2 กับเพื่อนหมออีก 2 คน ที่มีคอนเซปต์คืออยากจะเปลี่ยนความเชื่อที่ว่า ‘ขนมหวาน = เสียสุขภาพ’ ด้วยการคิดและเสิร์ฟเมนูขนมและเครื่องดื่มที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แถมได้ประโยชน์อีกต่างหาก ด้วยวัดถุดิบธรรมชาติที่คัดสรรมาอย่างดี ใช้ความหวานจากหญ้าหวานซี่งจะไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย และอีกมากมายที่ผ่านกระบวนการคิดเพื่อให้ออกมารสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพ
เมนูซิกเนเจอร์ ‘อะตอมมิก โบวล์’ ที่ใช้ผลอาซาอิเบอร์รี่ซึ่งเป็นพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ, ธัญพืช และผลไม้เป็นส่วนผสม เสิร์ฟพร้อมโปรตีนพาวเวอร์บอล 3 ลูก 3 รสชาติ และฮันนี่โยเกิร์ต โยเกิร์ตที่บ่มเอง เป็นโยเกิร์ตแท้ๆที่มีพลังงานต่ำ บวกกับน้ำผึ้งออแกนิกสดๆ จากสวน คนชอบน้ำผึ้งต้องไม่พลาด ด้านตัวร้านออกแบบได้สดใสสะดุดตาด้วยการใช้สีเหลืองเกือบทั้งร้าน บาร์ที่อยู่ตรงกลางตกแต่งด้วยไฟดูสวยล้ำสมัย โดยหมอตั้มบอกว่าได้แรงบันดาลใจจากการระเบิดของดวงดาว เป็นร้านที่ตอบโจทย์มากๆ สำหรับคนรักสุขภาพ หรือคนที่ชอบกินขนมหวานแต่ไม่อยากเพิ่มน้ำหนัก หวาานอร่อยแต่ไม่อ้วนมีอยู่จริง